3 T’s แห่งความสำเร็จในอาชีพนักร้อง
17ปีในอาชีพการเป็นครูสอนร้องเพลงของครูเจ มักจะมีคำถามที่หลายๆคนชอบถามอย่างเช่นว่า เรียนร้องเพลงไปแล้วจะเป็นนักร้องได้หรือไม่ หรือว่าต้องเรียนนานเท่าไหร่ถึงจะเก่งขึ้น หรือว่าถ้าจะเอาดีในด้านนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง ทุกคำถามมีคำตอบครับ เราสามารถเอาแนวคิดนี้ไปประยุกต์ในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ ครูเจจะพูดถึงแนวคิดในการสอนของครูเจ คือ The Three T’s of success คือสามสิ่งในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ
T ที่หนึ่งคือ Talent (พรสวรรค์พิเศษ) การจะเป็นนักร้องสิ่งนี้ช่วยได้มากหากว่าเราเป็นคนที่มีพื้นฐานเสียงดี ร้องเพลงเพราะ มีMusicality สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ส่วนใหญ่ติดตัวมาแต่เกิดและสะสมมาเรื่อยๆในชีวิต เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่แข่งกันได้ยาก เหมือนกับที่เราเกิดมามีหน้าตา ส่วนสูงไม่เหมือนกัน เสียงตามธรรมชาติก็ไม่เหมือนกัน ลองจินตนาการว่าเราไปว่ายน้ำแข่งกับ Michael Phelps ที่เกิดมาแล้วสรีระเอื้ออำนวยให้กับการว่ายน้ำมากเป็นพิเศษ เราก็คงจะไปเทียบด้วยไม่ไหว เพราะสรีระเราไม่ได้ช่วยขนาดนั้น แต่ถ้าจะถามว่าถ้าเราจะว่ายน้ำให้เก่งขึ้นให้เร็วขึ้นได้ไหม ทุกคนจะคงจะมีคำตอบที่เหมือนกันว่า ได้ ถ้าเราหมั่นฝึกฝน การร้องเพลง หรือเรียนดนตรีก็เหมือนกัน ครูเจอยากจะให้ทุกคนเข้าใจในเสียงของตัวเองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว และอย่าเอาไปเปรียบกับคนอื่นว่าทำไมเสียงเรามันไม่เพราะเหมือนคนอื่น ถ้าเราจะเปรียบเทียบกับ เอามาเปรียบเทียบกับตัวเองดีกว่า ว่าเราสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ไหม ซึ่งตรงนี้จะแหละจะทำให้เราก้าวสู่ขั้นที่สอง
Tenacity (ความมุ่งมั่น)
ตัวนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดให้ 3 T’s ของครูเจ Tenacity แปลว่าความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ และ ความสม่ำเสมอ สิ่งนี้ขาดแทบไม่ได้เลยนะครับสำหรับการดำรงชีวิตให้ได้ตามที่เราฝันไว้ สิ่งนี้จะช่วยให้Talentเราดีขึ้น เพราะเป็นการฝึกฝนและทำอย่างต่อเนื่อง คนที่มีTalentดีแต่ไม่มีความมุ่งมั่นพอก็อาจจะล้มเลิกเป้าหมายไปก่อนจะได้โอกาสมา หรือมีTalent แต่ไม่ฝึกฝนจนตามคนอื่นไม่ทัน สิ่งนี้อยู่ในใจครูเจตลอด เนื่องจากว่าเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ เราสามารถเอาใจสู้และสร้าง Talent เราให้แข็งแรงขึ้นได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นกับตัวครูเจเอง เมื่อสมัยเด็กๆครูเจก็ไม่ได้ร้องเพลงเก่งอะไร เคยโดนเพื่อนๆบอกว่าให้เลิกฝันที่จะเอาดีด้านดนตรีเถอะเพราะเพื่อนๆกลัวว่าเราจะไปไม่รอด แต่ครูเจเป็นคนหัวดื้อไม่ยอมทำตามแล้วก็มาดูว่าตัวเองต้องพัฒนาตรงไหนบ้างและเราก็ต้องไม่อายที่จะยอมรับในสิ่งที่เราไม่รู้เพื่อที่เราจะได้แก้ไขให้ถูกจุด ไปหาเรียนเพิ่มเติม และหาจุดเด่นของเราและทำให้ตรงนั้นมันแข็งแรงเพื่อที่เราจะได้มีเอกลักษณืที่เด่นชัดขึ้น เพราะเมื่อโอกาสมา เราจะได้อยู่ในสภาวะที่พร้อมที่สุด สิ่งนี้ก็จะเป็นอีก T หนึ่งก็คือ
Timing (จังหวะและโอกาส)
T ตัวนี้เป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ยากที่สุดใน 3 T’s เพราะว่ามันมักจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่เราสามารถที่จะสร้างโอกาสหรือเอาตัวเราเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่จะเกิดโอกาสดีๆให้กับ
เราได้ ลองคิดดูนะครับ ว่าถ้าเราหมั่นคอยฝึกฝนตัวเอง และสร้างสภาวะแวดล้อม ของตัวเราเองให้อยู่ในสถานที่ๆที่มักจะกิดโอกาสขึ้น เช่นถ้าเรารู้จักnetworkของคนในวงการเพลง คอยติดตามข่าวสารการประกวดต่างๆ สร้างฐานแฟนเพลงของเรา แล้วเวลามีใครกำลังทำโปรเจคอะไรถ้าเรารู้ก่อนเราก็มีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่รู้ หรือเวลามีโอกาสมาแต่เราไม่ได้เตรียมตัวซ้อมอะไรมาเลยแต่ว่าเราเป็นคนที่ฝึกฝนอยู่เสมอ
อยู่แล้วเราก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะเรามีประสบการณ์สะสมอยู่แล้ว ตรงนี้ก็จะทำให้เราสามารถออดิชั่นได้ดี
หลายๆสิ่งที่ครูเจพูดถึงในBlogนี้ก็มาจากประสบการณ์การสอนและการใช้ชีวิตในถนนสาย
ดนตรีนี้นะครับ สรุปได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Tenacity เพราะสามารถช่วยสร้าง Talent และ Timing ให้กับตัวเราได้ นักเรียนของครูเจที่ประสบความสำเร็จได้เป็นศิลปิน แทบจะทุกคนนั้นฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมอและอยู่ใกล้กับโอกาสเสมอ ครูเจหวังว่าทุกคนที่อ่านBlogนี้แล้วจะเก็บเอาไปคิดและนำเอาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน นะครับ Blog หน้าจะพูดเรื่องเทคนิคการร้องเพลงต่อนะครับ
Jay Veerayano
related posts
» Blogs » The Three T’s to Music Career...
Jay Veerayano, Performer, Singer, Singing, Singing technique, Vocal coach, vocal training, voice training, ครูสอนร้องเพลง, ครูเจ, ประกวดร้องเพลง, ฝึกร้อง, สอนร้องเพลง, เรียนร้องเพลง
« การเรียนร้องเพลงกับการพัฒนาสมองของเด็ก by Jay Veerayano การดูแลรักษาเสียงสำหรับนักร้องและผู้ที่ต้องใช้เสียงเยอะ »